iPhone 3G ทำอะไรได้บ้าง

หลายๆคนที่ได้ไปซื้อไปหา iPhone มาไว้ครอบครองแล้วนั้น อาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเจ้า iPhone มันทำอะไรได้บ้าง iPhone ซึ่งนอกจากจะเป็นโทรศัพท์เท่ๆแล้ว iPhone 3G ยังมีความสามารถอื่นๆอีกมากมายดังจะเล่าให้ฟังครับผม

หน้าจอสัมผัสแบบหลายนิ้ว (Multi-Touch)

มือถือทั่วๆไปหากต้องการชมภาพก็ต้องกดปุ่มกันซะวุ่นวายใช่ไหมครับ ยิ่งถ้าหากต้องซูมดูรายละเอียดของภาพให้ชัดๆด้วยแล้วล่ะก็ คงต้องกดปุ่มต่างๆนานับร้อยแปดกว่าจะได้ดูภาพได้ แถมยังแสดงผลช้าอีกไม่ทันใจวัยสะรุ่นอย่างเราๆเลย แต่สำหรับเจ้า iPhone 3G นี้แล้วนอกจากจะดูภาพได้อย่างรวดเร็วแล้ว มันยังสามารถที่จะซูมภาพโดยการ “ถ่าง” นิ้วได้ด้วยครับ เพราะหน้าจอของ iPhone 3G มีที่รับสัญญาณได้มากกว่า 1 จุดพร้อมๆกันนั่นเองครับ

เมนูการใช้งานแบบแอนนิเมชัน

เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นดีเหมือนกันครับเพราะเมนูต่างๆของ iPhone นั้นจะแสดงเป็นแอนิเมชัน มี Effect ทั้งยังยืดได้หดได้ตามใจชอบ และที่สำคัญจุดเด่นจริงๆก็คือ เมนูต่างๆนั้นจะตอบสนองทันใจวันรุ่นมาก ประมาณว่ากดปุ๊บติดปั๊บเลย เรียกได้ว่าเรื่องความเร็วในการแสดงผลนั้นหาตัวจับได้ยากเลยทีเดียว

ฟังเพลงด้วยคุณภาพเดียวกับ iPod

เมื่อพูดถึงเพลงที่เสียงดี ใครๆก็ต้องพากันนึกถึง iPod ใช่ไหมล่ะครับเพราะให้คุณภาพเสียงที่ดี แต่ทราบหรือไม่ว่าใน iPhone นั้นมีโปรแกรมที่ใช้สำหรับฟังเพลงชื่อ iPod ด้วยครับ นั่นก็หมายความว่าเราได้ iPod เสียงดีเป็นของแถมจากการซื้อ iPhone นั่นเองครับ และที่สำคัญรุ่น 3G เราสามารถเลือกหูฟังที่เชื่อมต่อได้อิสระมากยิ่งขึ้นด้วย

แปลงหนังที่ชื่นชอบเอาไว้ดูกัน ที่ iPhone

ด้วยความจุที่มากมายของ iPhone รวมกับขนาดของหน้าจอที่ใหญ่โตมโหฬาร ทำให้เราสามารถแปลงไฟล์ภาพยนตร์ที่เราชื่นชอบทั้ง DVD หรือ VCD มาเก็บไว้รับชมใน iPhone ได้การชมผ่านก็แสนจะสบายตาเพราะว่าหน้าจอมีความคมชัดสูงครับ ซึ่งโปรแกรมที่ใช้แปลงไฟล์วิดีโอต่างๆไปสู่ iPhone ก็อย่างเช่น ImTOO DVD Ripper Platinum หรือ Xilisoft 3GP Video Converter เป็นต้น

ท่องอินเทอร์เน็ตได้ไม่สะดุด

ใครที่ชอบเล่น Hi5, Facebook หรือเข้าเว็บไซต์ติดตามข่าวสารบ้านเมืองเป็นประจำ สามารถที่จะใช้ iPhone แทนเครื่องคอมพิวเตอร์ได้ทันที หากในบริเวณนั้นมี Wi-Fi Hotspot หรือแม้แต่เชื่อมต่อตรงๆผ่าน EDGE หรือ 3G ก็ไม่มีปัญหาใดๆซึ่งการเล่นเว็บด้วยนิ้วก็สนุกกว่าการใช้เมาส์พอสมควรเลยทีเดียว

ถ่ายรูปและเก็บภาพได้จำนวนมาก

ความสามารถที่เรามองข้ามไปไม่ได้อีกอย่างของ iPhone ก็คือ ใช้เป็นกล้องถ่ายรูปอเนกประสงค์ได้ แม้ว่าคุณภาพของภาพจะได้ไม่เท่ากับพวกตระกูล Cybershot หรือ N-Series บางรุ่นก็ตาม แต่ภาพที่ได้จาก iPhone แบบถ่ายทั่วๆไปก็ให้ความคมชัดสูงและไม่ต้องปรับอะไรให้วุ่นวายด้วย เนื่องจากทุกอย่างได้รับการจูนไว้แล้วอย่างดี แบบว่ากดอย่างเดียวที่เหลือก็ใช้ Automatic

GPS และ Google Map ที่สุดยอด

สำหรับ iPhone 3G ตัวใหม่นั้นจะเพิ่มความสามารถในเรื่อง GPS แม้ว่าจะเป็น A-GPS ไม่ใช่ Unit GPS ซึ่งทำงานได้ดีกว่า แต่อย่างไรเสีย A-GPS เมื่อทำงานร่วมกันกับ Google Map ก็ต้องเรียกได้ว่าสุดยอดไม่แพ้ Unit GPS เจ้าไหน การใช้ GPS จำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทุกครั้งไป เพราะฉะนั้นก่อนที่เราจะเชื่อมต่อ GPS นั้นต้องตรวจสอบเสียก่อนว่าบริเวณนั้นมีอินเทอร์เน็ตหรือไม่หรือมีค่าโทรเพียงพอที่จะจ่ายค่า EDGE หรือไม่ มิฉะนั้นแล้ว GPS เราก็จะเข้าไม่ได้

Mobile Security

Mobile Security
ปกป้องข้อมูลส่วนตัวบนสมาร์ทโฟน

Kaspersky Mobile Security

เป็นระบบป้องกันภัยคุกคามต่างๆซึ่งได้มีการพัฒนาโซลูชั่นโดยสามารถใช้ได้กับโทรศัพท์ในระบบ Symbian และ Windows Mobile ฟังก์ชันการใช้งานประกอบไปด้วย ระบบป้องกันขโมย SMS-Block, SMS-Clean และ SMS-Watch ระบบ firewall ที่มีการป้องกัน 4 ระดับ และยังเป็นระบบที่สามารถป้องกันภัยคุกคามจากการแลกเปลี่ยน SMS, MMS, Bluetooth, Wi-Fi พร้อมฟังก์ชั่นการสแกนไฟด์ได้มากตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังสามารถตั้งค่าการใช้งานโดยสามารถควบคุมการส่งออกและการับตามคำสั่งของผู้ใช้สำหรับกรณีที่โทรศัพท์มือถือหายจะสามารถระบุหมายเลขโทรศัพท์ที่มาใช้บนเครื่องที่หายได้ สามารถล็อกการใช้โทรศัพท์มือถือที่หายได้ รวมทั้งยังสามารถลบข้อมูลให้หายไปจากเครื่องได้ทุกที่ที่เวลา เพื่อเป็นการป้องกันข้อมูลที่อยู่ในเครื่องไม่ให้ถูกเผยแพร่นอกจากนี้ในอนาคตยังมีฟังก์ชันที่สามารถค้นหาโทรศัพท์มือถือได้ผ่านการรับ-ส่ง SMS อีกด้วย

Trend Micro Mobile Security 5.0

เป็นโซลูชั่นที่ได้รับรางวัลในประเภทความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์พกพา เนื่องจากช่วยให้ผู้ใช้สามารถกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการใช้และการเข้าถึงเครือขายได้อย่างง่ายดาย เป็นโซลูชั่นด้านความปลอดภัยที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันสมาร์ทโฟน และพีดีเอไม่ให้เกิดการสูญหายของข้อมูล ติดไวรัส และป้องกันการโจมตี นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการเข้ารหัสลับและการรับรองความถูกต้องที่สามารถป้องกันข้อมูลทั้งหมดในอุปกรณ์ที่โดนขโมยหรือสูญหายได้ รวมทั้งการป้องกันมัลแวร์ ไวรัส หนอน โทรจัน และสแปมข้อความ SMS รวมไปถึงป้องกันการโจมตีขณะที่มีการใช้ Wi-Fi ได้อีกด้วย

BitDefender Mobile Security BitDefender

เป็นอีกค่ายที่มีการออกโซลูชั่นป้องกันโทรศัพท์มือถือจากภัยคุกคามต่างๆโดยจะทำงานบน Symbian หรือ Microsoft Windows Mobile สำหรับฟีเจอร์การใช้งานของโซลูชั่นนี้ฟังก์ชันตั้งแต่เริ่มเปิดเครื่อง โดยจะมีการตรวจสอบแต่ละไฟล์เพื่อป้องกันการติดไวรัส รวมทั้งยังมีการตรวจสอบจากหน่วยความจำภายใน Memory Card และที่ซ่อนในส่วนของ Archive ได้อีกด้วย สำหรับการอัพเดตผลิตภัณฑ์ทำได้ง่ายโดยผ่าน GPRS หรือ จากการเชื่อมต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ตของโทรศัพท์มือถือ

ที่มา : Ecommerce-magazine,April 2009

ยุทโธปกรณ์ใหม่กองทัพสหรัฐ

ยุทโธปกรณ์ใหม่กองทัพสหรัฐ
iPhone and iPod Touch

ความสารพัดประโยชน์ของเพลตฟอร์มโมบายจากค่าย Apple นั้นตอนนี้ได้ขยายวงออกไปครอบคลุมถึงแวดวงทหารและความมั่นคงกันเรียบร้อยแล้ว เรียกว่า ออกรบครั้งหน้า บรรดาทหารหาญกล้าจากสหรัฐฯ จะได้อุปกรณ์ที่มีหน้าจอแบบมัลติทัชพกติดตัวไปด้วยคนละเครื่อง แน่นอนว่าไม่ได้เพื่อใช้เป็นอาวุธ หากแต่เป็นเครื่องมือสำหรับเชื่อมโยงหน่อยปฎิบัติการเข้าด้วยกัน พร้อมอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญต่างๆซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักในการทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ

ที่มา : http://www.engadget.com/tag/Vcommunicator/

แอพพลิเคชันที่น่าจะนำมาใช้งานในสนามรบได้ก็มีตั้งแต่พจนานุกรมภาษาต่างๆแผนที่และภาพถ่ายดาวเทียม รวมไปถึงการใช้เพื่อเล่นภาพวิดีโอสำหรับถ่ายทอดข้อความจากผู้นำชุมชนไปยังชาวบ้านให้ทั่วถึง โดยตอนนี้เริ่มมีการนำไปใช้จริงแล้ว

อย่างเช่นโปรแกรมที่ชื่อว่า Vcommunicator ที่สามารถแปลคำพูดและตัวหนังสือให้เป็นภาษาอาระบิคและเคอร์ดิสรวมไปถึงภาษาแถบอัฟกันอีกสองภาษา หรือ BulletFlight ที่ถูกใช้โดยนักแม่นปืนเพื่อคำนวณทิศทางในการยิง เช่นเดียวกับโปรแกรมอีกตัวหนึ่งที่เมื่อมีการถ่ายภาพป้ายชื่อถนนและอัพโหลดขึ้นระบบ ทหานก็จะได้รับข้อมูลของพื้นที่นั้นๆทันที อาทิ เรื่องของแหล่งน้ำ เป็นต้น โดยทางกองทัพของสหรัฐฯ เชื่อว่ากานำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาใช้นอกจากจะเกิดประโยชน์อย่างมากแล้ว ทางกองทัพเองยังไม่ต้องเสียเวลาฝึกอบรมให้เนิ่นนานด้วยเพราะส่วนใหญ่ก็เคยได้ลองสัมผัสกันมาบ้างแล้ว

ข้อดีของเทคโนโลยี 3G

สำหรับข้อดีของ 3G คือคุณภาพของเสียงที่ชัดเจนเทียบเท่าโทรศัพท์พื้นฐานความคมชัดของการรับสัญญาณภาพ การเพิ่มขีดความสามารถในการรับ-ส่งข้อมูลความเร็วสูงเพื่อรองรับบริการมัลติมีเดียต่างๆ โดยสามารถส่งข้อมูลได้ทั้งแบบแพ็กเกจสวิตซ์ (Packet Switch) และแบบสวิตซ์วงจร (Circuit Seitch) มีความเสถียรของสัญญาณภาพและเสียงสูง สามารถนำเครื่องโทรศัพท์ไปใช้บริการข้ามประเทศแบบอัตโนมัติผ่านเครือข่ายของประเทศที่ใช้มาตรฐานแบบเดียวกัน สนับสนุนการใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่อง PDA, MP4, iPod,Notebook,กล้อง ดิจิตอล หรือเครื่องโทรศัพท์สมาร์ทโฟนและพีดีเอโฟน อุปกรณ์เหล่านี้บางครั้งถูกเรียกรวมๆกันว่า MID (Mobile Internet Device) และประการสุดท้ายคือการสร้างบริการที่หลากหลายและก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มอย่างมหาศาลในวงการดิจิตอลคอนเทนต์ไม่ว่าจะเป็นเกมใหม่ๆแอพพลิเคชันใหม่ๆ ที่ตอบสนองทั้งความบันเทิงและธุรกิจ เว็บมือถือ อีบุ๊กโมบายด์ หรือแม้แต่การโทรศัพท์เห็นหน้าแบบเรียลไทม์ก็ไม่ได้เป็นความฝันอีกต่อไปในยุคของมือถือ 3G

มาตรฐานของเทคโนโลยี 3G

มาตรฐานของ 3G ที่นิยมใช้งานมีอยู่ 2 มาตรฐาน คือ

1. GSM (Global System for Mobile Communication) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นิยมใช้ในกลุ่มประเทศยุโรป

2. WCDMA (Wide Code Division Multiple Access) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นิยมในกลุ่มประเทศอเมริกา

แต่ในปัจจุบันประเทศที่มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี WCDMA อย่างมากกลับกลายเป็นประเทศเกาหลีใต้
ขณะที่ประเทศที่มีศักยภาพในการให้บริการสื่อสารข้อมูลหรือ Mobile Non-Voice บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ GSM ต้นแบบของโลกกลายเป็นประเทศญี่ปุ่นสำหรับประเทศไทยมีผู้ให้บริการทั้งสองระบบ คือ ระบบ GSM ของผู้ให้บริการมือถือยักษ์ใหญ่อย่าง AIS DTAC หรือ True Move ขณะที่ระบบ WCDMA ผู้ให้บริการหลักคือ Hutch

เทคโนโลยี 3G ในประเทศไทย

การให้บริการ 3G ในประเทศไทยยังไม่จัดว่าเป็นการให้บริการ 3G อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากเป็นการให้บริการบนคลื่นความถี่เดิม (2.5G/2.75G) ทำให้ความจุในการรับ-ส่งสัญญานยังจำกัดซึ่งการให้บริการส่วนใหญ่เป็นการนำเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งเครือข่ายแบบเดิมในยุค 2G มักจะมีการทำงานที่เน้นในเรื่องของการสื่อสารทางเสียงเป็นหลัก โดยใช้เทคโนโลยีที่มีการทำงานแบบ TDMA (Time division Multiple Access) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการให้บริการที่เน้นในเรื่องของความคมชัดของเสียงมากว่าเน้นให้บริการทางด้านของข้อมูล ทำให้การพัฒนา application content และลูกเล่นใหม่ๆของบริการสื่อสารข้อมูล (Data Service) ยังคงมีข้อจำกัดอยู่

นอกจากนั้นเทคโนโลยี 3G ปัจจุบันยังเปิดให้บริการเฉพาะในบางพื้นที่อีกด้วยในอนาคตคาดว่าการให้บริการมือถือ 3G จะกลายเป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่แพร่หลายและทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึง Internet ความเร็วสูง ลดความเหลื่อมล้ำในเรื่องของการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศได้เป็นอย่างดี

การทำงานของเทคโนโลยี 3G

สำหรับหลักการทำงานของ 3G อย่างง่ายๆคือ คอนเซ็ปต์ของการเชื่อมต่อกับระบบของผู้ให้บริการเครือข่ายตลอดเวลาโดยเป็นกาเชื่อมต่อการใช้ข้อมูลกับผู้ให้บริการเครือข่ายอัตโนมัติ ทำให้ไม่จำเป็นต้องล็อกอินเข้าใช้บริการ GPRS (General Packet Radio Service) และ EDGE (Enhanced Data Rate for GPRS Evolution) กับผู้ให้บริการเครือข่ายทุกครั้งที่มีการใช้บริการรับ-ส่งข้อมูล โดยจะคิดอัตราค่าบริการเมื่อมีการรับ-ส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายเกิดขึ้นเท่านั้น โดยค่าบริการคิดตามปริมาณการรับ-ส่งข้อมูลที่เกิดขึ้นจริง

หากเป็นการเชื่อมต่อ GPRS/EDGE แบบเดิม เราจะเสียค่าบริการในทันทีที่ Login เข้าใช้บริการ การพัฒนาการให้บริการสื่อสารข้อมูล (Data Communication Service) เริ่มจากการพัฒนาเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 2G ให้สามารถรองรับการรับ-ส่งข้อมูลแบบข้อความสั้นหรือ SMS (Short Messaging Service) ต่อมาจึงได้มีการพัฒนาให้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถรับ-ส่งข้อมูลแบบแพ็กเกจสวิตซ์ด้วย GPRS โดยเริ่มแรกความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 9.6 kbps จนปัจจุบันมีการพัฒนาความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็น 144-171.2 kbps แต่นั่นก็ยังไม่พอเพียงสำหรับการให้ Internet Boardband ไร้สายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความพยายามในการพัฒนาความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลให้เพิ่มขึ้นด้วยเทคโนโลยี EDGE ซึ่งสามารถรับ-ส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงถึง 384 kbps จากการพัฒนาเทคโนโลยีการรับ-ส่งข้อมูลความเร็วสูงผ่าน GPRS และ EDGE นี่เองที่ทำให้เกิดความตื่นตัวในการใช้บริการสื่อสารข้อมูลเพิ่มมากขึ้น โดยเริ่มจากการดาวน์โหลด โลโก้,ริงโทน,ริงแบ็กโทน และเกมมือถือต่างๆจนกระทั่งเริ่มมีความต้องการใช้มือถือเช็กอีเมล รวมถึงการรับ-ส่งข้อมูลต่างๆ ผ่านการเชื่อมต่อ Internet Boardband ไร้สายบนมือถือเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เครือข่ายโทรศัพท์ที่มีอยู่เดิมจำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างและการทำงานของเครือข่ายเข้าสู่ยุคของ 3G ซึ่งมาพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยี HSPA (High Speed Packet Access) ทำให้อัตราความเร็วของการรับ-ส่งข้อมูลเพิ่มสูงขึ้นจากกิโลบิตต่อวินาที (kbps) กลายเป็นเมกะบิตต่อวินาที (mbps)

ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าปัจจุบันประเทศไทยยังให้บริการเทคโนโลยี 3G บนคลื่นความถี่เดิมอยู่ ทำให้บางครั้งผู้ใช้บริการรับ-ส่งข้อมูลผ่านระบบ GPRS และ EDGE รู้สึกว่าการรับ-ส่งข้อมูลดังกล่าวมีความล่าช้าขาดความเสถียรของการรับ-ส่ง พูดง่ายๆคื่อเชื่อมต่อ Internet ยากแต่หลุดง่าย เป็นต้น เนื่องจากการรับ-ส่งข้อมูลความเร็วสูงผ่านคลื่นความถี่เดิมจะต้องมีการแชร์คลื่นความถี่ระหว่างข้อมูล (Data) และการให้บริการเสียง (Voice) จึงก่อให้เกิดปัญหาดังกล่าว ซึ่งผู้ให้บริการต่างก็พยายามแก้ปัญหาด้วยการนำเทคโนโลยี HSPA เข้ามาประยุกต์ใช้ ซึ่งแน่นอนว่าเทคโนโลยีดังกล่าวย่อมมาพร้อมการลงทุนทางด้านโครงข่ายซึ่งคิดเป็นมูลค่าจำนวนมหาศาลเรียกได้ว่ายกเครื่องโครงข่ายใหม่เกือบทั้งหมด ทำให้ผู้บริการภายในประเทศจำเป็นต้องชั่งน้ำหนักระหว่างเม็ดเงินที่จะต้องสูญเสียจากการลงทุนโครงข่ายกับเม็ดเงินที่จะได้รับจากมูลค่าเพิ่มของการให้บริการสื่อสารข้อมูล (Value-Added Data Communication Services) ซึ่งจะมาพร้อมกับคอนเทนต์และแอพพลิเคชันใหม่ๆที่หลากหลายกว่าการให้บริการสื่อสารข้อมูลเพียงแค่การดาวน์โหลดเพลง รูปภาพ โลโก้หรือเช็กอีเมลเพียงแค่นั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมองทางด้านของความต้องการใช้งานซึ่งมีดีมานด์สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้ผู้ประกอบการยินดีลงทุนกับการสร้างโครงข่ายใหม่ แต่ทั้งนี้ก็ยังติดปัญหาที่ต้องรอการอนุมัติใบอนุญาตให้บริการ 3G บนคลื่นความถี่ใหม่จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ซึ่งจำเป็นต้องออกให้ได้ภายในปีนี้ หากหวังที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยเม็ดเงินจากการลงทุนโครงข่ายและการใช้บริการมัลติมีเดียจากทางฝั่งผู้ใช้บริการมือถือ

เทคโนโลยี 3G คืออะไร

เนื่องจากทุกวันนี้การใช้งานอินเทอร์เนตได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของคนเมืองกันไปแล้ว เกือบจะทุกคนที่ตื่นเช้ามาทำงานจำเป็นต้องเข้าอินเทอร์เนตเพื่อเช็ก E-mail บางคนถึงขึ้นที่เรียกว่าติด อินเทอร์เนต (Internet Addict) กันเลยด้วยซ้ำ วันไหนไม่ได้ใช้อินเทอร์เนตเหมือนชีวิตขาดหายอะไรไปสักอย่าง

ดังนั้นด้วยความสำคัญของอินเทอร์เนตที่นับวันจะมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดทางเลือกใหม่ในการใช้งานอินเทอร์เนตบรอดแบนด์ได้อย่างสะดวก จนเรียกได้ว่าทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการโดยไม่จำเป็นต้องพึ่ง Note Book หรือเครื่องคอมพิวเตอร์อีกต่อไป

ทางเลือกที่ว่าก็คือการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือมือถือผ่านเทคโนโลยี 3G ซึ่งสามารถเนรมิตให้โทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถใช้งานอินเทอร์เนตบรอดแบนด์ได้เกือบจะเทียบเท่าเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่สะดวกกว่าเพราะปัจจุบันทุกคนมีมือถือเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตกันอยู่แล้ว ขณะที่การแบก Note Book ไปไหนต่อไหนกลับไม่ใช่เรื่องสนุกนัก

แม้ว่าจะมีผู้ผลิต Mini notebook ขึ้นมาสำหรับกลุ่มคนที่ขาดอินเทอร์เนตไม่ได้ก็ตามแต่ก็ต้องยอมรับว่ายังลำบากกว่าพกมือถือที่รองรับ 3G อยู่ดี

ลักษณะการทำงานของ 3G (Third Generation Mobile Network) หรือเทคโนโลยีการสื่อสารยุคที่ 3 เริ่มกลายเป็นคำที่คุ้นหูกันมากขึ้น แต่ก็ยังมีบางคนสังสัยว่าอะไรคือ 3G และมีความเหมือนหรือแตกต่างกับเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น WiFi หรือ WiMAX อย่างไร

หากจะอธิบายอย่างง่ายๆสั้นๆ ชนิดที่ชาวบ้านทั่วไปจะต้องร้องอ๋อกันทันที ก็พูดได้ง่ายๆว่า 3G คือ เทคโนโลยีต่อยอดของทางฝั่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ทำให้เครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือเครื่องลูกข่ายสามารถให้ Internet Boardband ในการรับ-ส่งข้อมูลภาพและเสียง ที่เรียกว่า Multimedia ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอุปกรณ์ที่รองรับการใช้งาน 3G หลักๆ คือ เครื่องลูกข่ายโทรศัทพ์ประเภท Smart Phone และ PDA Phone

ขณะที่ WiMAX เป็นเทคโนโลยีต่อยอดของ WiFi ซึ่งเป็นการพัฒนาการใช้งาน Internet Boardband ไร้สายที่มีให้บริการเฉพาะจุดที่เรียกว่า Hot Spot ของทางฝั่งคอมพิวเตอร์ โดยมีอุปกรณ์รองรับหลักคือ Notebook และเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาประเภทต่างๆนั่นเอง

ในอีกแง่หนึ่งอาจกล่าวได้ว่าเทคโนโลยี 3G คือ เทคโนโลยีทางเลือกของการใช้ Internet Boardband ไร้สายในกรณีที่เราไม่อยากหิ้ว Notebook ตัวโปรดไปไหนต่อไหนด้วย ยกตัวอย่างเช่น หากเรากำลังรอดูภาพยนต์ที่ยังไม่ถึงรอบฉาย และไม่มีอะไรทำขณะนั่งรอ เราก็สามารถ Chat กับเพื่อนทาง Internet นั่งเช็ค E-mail หรือเล่นเกมส์ออนไลน์ได้ง่ายๆผ่านมือถือ โดยไม่จำเป็นต้องง้อเครื่องคอมพิวเตอร์อีกต่อไป

ด้วยความสะดวกรวดเร็วทันใจเข้ากับ Concept lifestye ยุคใหม่ที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาแบบนี้นี่เองทำให้เทคโนโลยี 3G เริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้นและมีความต้องการใช้งานสูงขึ้นเรื่อยๆ

iPhone 3G Wallpaper